👩🎓 ทุกวันนี้ กลุ่มคนรุ่นใหม่ต่างโฟกัสไปที่การออมเงินและการลงทุนมากขึ้น ทั้ง Gen Y (เกิดช่วงปี 1980-1996) และ Gen Z (เกิดช่วงปี 1997-2009) โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่มีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจากเดิมอยู่ที่ 10% พุ่งขึ้นมาแตะ 30-40% ไปแล้วในปัจจุบัน แล้วทำไมคนรุ่นใหม่ถึงหันมาลงทุนกันมากขึ้น ? ไปหาคำตอบกัน!
👉 เทคโนโลยีอันทันสมัย ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารด้านการลงทุนง่ายขึ้น
คน Gen Y และ Gen Z โตมากับเทคโนโลยีสุดล้ำมากมาย ทำให้ผู้ลงทุนรุ่นใหม่มีความเชี่ยวชาญด้านการใช้เทคโนโลยีมากกว่าคนเจนเนอเรชันอื่นๆ เช่น ความสามารถในการค้นหาข้อมูลการลงทุนผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ
👉 Content Creator ด้านการเงินการลงทุน หรือ Finfluencer พร้อมให้ความรู้ที่เข้าถึงได้ แบบทุกที่ทุกเวลา อีกหนึ่งปัจจัยที่ดึงดูดให้เกิดผู้ลงทุนหน้าใหม่มากขึ้น นั่นคือ บรรดา "Creator" ที่คอยสร้างสรรค์คอนเทนต์การเงินการลงทุนให้ผู้ติดตามได้ชมหรือได้อ่านกันอยู่ตลอดเวลา และรูปแบบคอนเทนต์ก็มีหลากหลายสไตล์ให้ได้เสพกัน ไล่ตั้งแต่แนวจริงจังหรือแนวตลกแต่สอดแทรกความรู้ และเมื่อคนรุ่นใหม่ได้รับชมคอนเทนต์การลงทุนบ่อยๆ ก็ยิ่งกระตุ้นให้อยากลงทุนมากขึ้น
👉 แนวคิดที่ว่า ยิ่งลงทุนก่อน ยิ่งทำเงินได้มากกว่า
ผู้ลงทุนรุ่นใหม่หรือในกลุ่ม First Jobber รู้ดีว่า การลงทุนเมื่อตอนอายุยังน้อยมีข้อดีหลายด้าน เช่น ยังมีภาระค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก ทำให้สามารถจัดสรรเงินลงทุนได้ง่าย พร้อมที่จะรับความเสี่ยงต่างๆ จากการลงทุน รวมถึงการมี "ต้นทุนเวลา” สำหรับการเก็บเงินหรือศึกษาข้อมูลการลงทุนต่างๆ ได้อย่างรอบด้าน
💸 แล้วคนรุ่นใหม่ควรเริ่มลงทุนอะไรดี ? พี่กัปตัน ก.ล.ต. ก็อยากแนะนำให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนรวม และสินทรัพย์ประเภทต่างๆ กันเยอะๆ เพราะปัจจุบันมีสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่รับได้ ยิ่งอายุน้อยก็สามารถลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูงได้ เพราะมีระยะเวลาลงทุนนาน ที่สำคัญ อย่าลืมกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และหากมีการติดตามข้อมูลความรู้จาก Finfluencers ก็ขอให้รับข่าวสารอย่างรอบคอบด้วยนะครับ
💸 พี่กัปตัน ก.ล.ต. ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ผู้ลงทุนมือใหม่ ประสบความสำเร็จในการลงทุนนะครับ
#กลต #HowToลงทุน #การเงิน #การลงทุน #ผู้ลงทุนหน้าใหม่ #ลงทุนไว #คนรุ่นใหม่กับการลงทุน
